ไขข้อสงสัย! ทำไมต้องตรวจ ตรอ. ก่อนยื่นต่อภาษีประจำปี ตรวจ ตรอ. คืออะไร แล้วต้องตรวจอะไรบ้าง?
————————————————————————————————
ตรวจ ตรอ. คืออะไร ตรวจอะไรบ้าง แล้วทำไมต้องตรวจ?
รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมานานสิ่งหนึ่งที่ต้องทำก่อนยื่นต่อภาษีประจำปี นั่นก็คือการนำรถเข้าตรวจสภาพที่ ตรอ. หากไม่มีใบรับรองก็จะไม่สามารถต่อภาษีได้ แล้วเคยสงสัยกันบ้างหรือไม่? ว่าการตรวจ ตรอ. คืออะไร ตรวจอะไร แล้วทำไมต้องตรวจวันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
ตรอ. คืออะไร?
ตรอ. คือสถานตรวจสภาพรถเอกชน ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อใช้ตรวจสภาพรถว่ามีความพร้อมในการใช้งานตามข้อกำหนดของทางกรมการขนส่งทางบกหรือไม่ โดยการตรวจผ่าน ตรอ. จะสามารถออกหนังสือรับรองเพื่อใช้ในการยื่นต่อภาษีประจำปี ไม่ต้องเสียเวลาไปถึงขนส่ง ไม่ต้องเดินทางไกล รวมถึงยังช่วยลดภาระการตรวจสภาพรถของกรมการขนส่งทางบกไปในตัวด้วย
ก่อนต่อภาษีประจำ ทำไมต้องนำรถไปตรวจตรอ.?
เพราะการตรวจ ตรอ. เป็นการตรวจเพื่อยืนยันว่ายานพาหนะที่ใช้นั้นมีความปลอดภัย มีสภาพพร้อมใช้งาน เมื่อตรวจผ่าน ใบรับรองการตรวจที่ได้จาก ตรอ. เป็นหนึ่งในเอกสารที่ใช้ยื่นเพื่อขอต่อภาษีประจำปี ฉะนั้นรถยนต์ที่เข้าเกณฑ์หากไม่ตรวจสภาพก่อนจะไม่สามารถต่อภาษีประจำปีได้
รถยนต์ที่ต้องตรวจสภาพกับ ตรอ. ก่อนยื่นต่อภาษี
- รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ที่มีอายุการใช้งาน 7 ปีขึ้นไป
- รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง ที่มีอายุการใช้งาน 7 ปีขึ้นไป
- รถบรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุการใช้งาน 7 ปีขึ้นไป
ขอบข่ายของการตรวจ ตรอ. มีอะไรบ้าง?
- ตรวจความถูกต้องของข้อมูลรถ
- ตรวจสภาพรถทั้งภายในและภายนอก
- ตรวจสภาพใต้ท้องรถ ระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก เครื่องยนต์ ระบบไอเสีย และระบบเชื้อเพลิง
- ตรวจสอบประสิทธิภาพของเบรก
- ตรวจสอบไฟหน้า โดยวัดจากค่าความเข้มของแสงและทิศทางเบี่ยงเบน
- ตรวจวัดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอน
- ตรวจควันดำในรถเครื่องยนต์ดีเซลโดยใช้กระดาษกรอง
- ตรวจวัดระดับเสียง
ตรวจ ตรอ. ไม่ผ่านต้องทำอย่างไร?
การตรวจ ตรอ. จะต้องเป็นไปตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ทำให้รถบางคันมีโอกาสตรวจไม่ผ่าน หากตรวจไม่ผ่านต้องกลับมาแก้ไขในส่วนที่มีปัญหา เช่น รถควันดำ ระบบเบรกทำงานไม่ดี ให้ทำการซ่อมแซม แล้วกลับไปตรวจใหม่อีกครั้ง
ตรวจ ตรอ. ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการตรวจ ตรอ. จะแบ่งตามน้ำหนักรถเปล่า โดยมีค่าบริการดังนี้
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 Kg. มีค่าบริการตรวจ ตรอ. คันละ 150 บาท
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 Kg. มีค่าบริการตรวจ ตรอ. คันละ 250 บาท
ส่วนรถจักรยานยนต์ จะมีค่าบริการตรวจ ตรอ. คันละ 60บาท
นำรถยนต์ไปตรวจ ตรอ. ใช้อะไรบ้าง?
- รถยนต์คันที่ต้องการตรวจสภาพ
- ตัวจริงหรือสำเนาสมุดทะเบียนรถยนต์ (เล่มสีน้ำเงิน)
โดยข้อกำหนดในการตรวจ ตรอ. ผู้นำรถไปตรวจจะต้องเป็นตัวเจ้าของรถเอง นอกจากนี้ยังมีรถยนต์บางประเภทที่ไม่สามารถเข้าตรวจสภาพกับ ตรอ. ได้
รถยนต์ที่ไม่สามารถเข้าตรวจสภาพกับ ตรอ. ได้
- รถยนต์ที่มีการแต่ง ดัดแปลงสภาพส่วนใดส่วนหนึ่ง ทำให้รถยนต์ไม่ตรงกับละเอียดในสมุดคู่มือทะเบียนรถ
- รถยนต์ที่ไม่สามารถตรวจสอบตัวเลขตัวรถ หรือเลขเครื่องยนต์ได้
- รถยนต์ที่ไม่ได้มีการต่อทะเบียนเกิน 1 ปี
- รถยนต์ที่ถูกกรมการขนส่งระงับการใช้งาน ทั้งชั่วคราวและถาวร
- รถยนต์ที่ถูกโจรกรรม หรือเคยมีประวัติสูญหายมาก่อน
- รถยนต์ที่มีเลขทะเบียนรุ่นเก่า ต้องเปลี่ยนทะเบียนรถใหม่ก่อน
การตรวจ ตรอ. เป็นการตรวจสภาพรถยนต์ เพื่อยืนยันว่ารถยนต์คันที่ได้รับการตรวจมีความปลอดภัย สภาพพร้อมใช้งาน ถือเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนทางหนึ่ง สำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปีขึ้นไปก่อนทำการต่อภาษีประจำปี ก็อย่าลืมนำรถเข้าตรวจ ตรอ. เสียก่อน รวมถึงควรทำประกันรถยนต์เสริมเอาไว้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งหลักประกันความเสี่ยง เมื่อเกิดอุบัติเหตุ จะได้ไม่ต้องเสียค่าซ่อม ค่ารักษาพยาบาลเอง สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการทำประกันรถยนต์ สามารถทำผ่าน Rabbit Care ได้ที่ www.rabbitcare.com เว็บไซต์ที่รวบรวมประกันรถยนต์เอาไว้แบบครบวงจร ไม่ว่าจะประกันชั้นไหนก็มีครบ จบในเว็บเดียว